Bakery Home http://bakeryhome.siam2web.com/

  บริการจัดส่งเวลา 10.00 - 21.00 น.



  • สั่งอาหารตั้งแต่ 250 บาทขึ้นไป
  • ค่าจัดส่ง 20 บาทต่อครั้ง (สําหรับพื้นที่จัดส่ง)
    นอกพื้นที่คิดค่าจัดส่งตามระยะทาง
  • * รับชําระเฉพาะเงินสด
    * กรุณาสั่งล่วงหน้า 45 นาที

    สาขาที่จัดส่ง Delivery

    224 หมู่4 ต.สันทรายหลวง อ.สันทราย
    จ.เชียงใหม่ลูกค้าสามารถโทรเช็คพื้นที่การจัดส่งได้ที่
    Call Center 0896353980




    เวปเพื่อนบ้านค่ะ

    เฟินส์ฮัท 

    เบเกอรี่พลัส


    บ้านเบเกอรี่

    เปอตีแปงเบเกอรี่

    Bakery Learning

    Yok Bakery

    แม่บ้าน


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    Bakery

                    ขนมฝรั่งในเมืองไทย 

                          เบเกอรี่หรือขนมฝรั่ง  เริ่มมีในเมืองไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์

    มหาราช  นับแต่แป้งสาลีเข้ามาใหม่ๆ  แต่ยังไม่นิยมแพร่หลาย เพราะ

    ขนมที่ทำเป็นขนมแบบเดิมๆ  และ ส่วนผสมของขนมก็ต้องนำเข้ามา 

     ราคมจึงแพงอุปกรณ์ก็แพง  การลงมือทำขนมฝรั่งแต่ละครั้งจึงค่อนข้าง

    ลงทุนสูง  ขนมจึงมีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับอาหารทั่ว ๆไป ทำให้เบ

    เกอรี่เป็นที่นิยมอยู่ในวงแคบ ขนมฝรั่งชนิดแรกในเมืองไทยหรือต้นกำเนิดของ

    ขนมฝรั่ง  ขนมฝรั่งกุฎีจีน  ที่ใช้เตาถ่าน  ในเรื่องของเตาทำขนมนี้ 

    จีนนับเป็นชาติแรกที่รู้จักการทำขนมปังที่เรียกว่า โรตี   

                       ในยุคปัจจุบันขนมฝรั่งได้รับการปรับปรุงพัฒนาและมีการสร้างสรรค์

                รูปแบบใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย  อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำขนมฝรั่ง

    ที่ช่วยอำนวยความสะดวกก็หลากหลายและทันสมัยมากขึ้น  อีกทั้งวัตถุดิบ

    ในการทำก็หาง่าย  ทำให้ราคาของขนมฝรั่ง และขนมอบต่างๆ  ไม่แพง

    จนเกินไป  ความนิยมขนมฝรั่งของคนไทยยุคปัจจุบันจึงมีแนวโน้มเพิ่ม

    มากขึ้น 




                ส่วนผสมหลักในการทำเบเกอรี่  

                1.  แป้งสาลีอเนกประสงค์  แป้งชนิดนี้เหมาะสำหรับทำคุกกี้ 

                2.  แป้งขนมปัง  ใช้ทำขนมปังหรือขนมที่มีลักษณะเหมือนขนมปังต่างๆ เช่น โดนัทยีสต์ 

                     ซาลาเปา 

                3.  แป้งเค้ก  ใช้สำหรับทำเค้ก 

                4.  น้ำตาล  การใช้น้ำตาลแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับวิธีการผสม และชนิดของขนม 

                5.  น้ำตาลทรายสีขาว  ต้องป่นก่อนใช้  ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลไอซิ่ง 

                6.  น้ำตาลไอซิ่ง  เป็นน้ำตาลที่ละเอียด และเบาที่สุดผสมแป้งข้าวโพดเพื่อป้องกัน

                     ความชื้น 

                7.  น้ำตาลทรายแดง  สำหรับทำขนมที่ต้องการกลิ่นน้ำตาลไหม้และสีเข้ม ๆ 

                8.  ไขมัน  การใส่ไขมันในขนม  เพื่อช่วยให้ขนมนุ่มขึ้น  ร่วนขึ้น 

                9.  เนยสด  ทำจากไขมันนมชนิดเข้มข้น  ต้องแช่เย็นไว้เสมอ  ก่อนนำมาใช้ต้องทิ้งให้

                     อ่อนตัวเล็กน้อย จึงจะผสมเข้ากันได้ดี 

                10.เนยเทียมหรือมาการีน  มีลักษณะคล้ายเนยสด  แต่ทำจากไขมันพืชเก็บไว้ในที่มี

                     อุณหภูมิปกติได้โดยไม่ต้องแช่เย็น ส่วนใหญ่นิยมใช้มาการีนแทนเนย  เพราะราคาถูก

                     กว่าเนยสด 

                11.เพสตรีมาการีน  ใช้สำหรับทำพายชั้น  มีความเหนียว และรีดคลึงได้ง่าย 

                12.น้ำมันพืช  ใช้สำหรับทำเค้กบางชนิด  เพื่อต้องการความนุ่มหอม ร่วน เพราะไขมัน

                     จะเข้าไปแทรกในโครงสร้างของแป้ง  แต่ถ้าไขมันมากเกินไปก็จะทำให้แป้งหนัก 

                     ขนมจะแน่นเกินไป 

                13.สารช่วยฟู  จะช่วยควบคุมการขยายตัว หรือควบคุมขนาดของขนม  ทำให้ปริมาณ

                     และความฟูมีมากขึ้น 

                14.ผงฟู  เป็นสารเสริมที่ช่วยให้ขนมมีความฟูนุ่ม 

                15.เบกกิ้งโซดา เป็นสารเสริมอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยให้ขนมขึ้นฟูและส่วนผสมไม่ตกตะกอน 

                     เช่น  ผงโกโก้  เนื้อกล้วยหอม 

                16.ยีสต์  ช่วยเพิ่มปริมาณของเนื้อขนมปัง  ทำให้มีลักษณะเนื้อ และโครงสร้างที่ดี 

                     มีกลิ่นรสเฉพาะตัว  ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาการหมัก  ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

                     จากสารประกอบต่างๆในแป้ง  จึงทำให้แป้งขยายตัวใหญ่ขึ้น   

                17.ไข่ไก่  มีทั้งฟองขนาดเล็ก  ขนาดกลาง และขนาดใหญ่  ในการทำเค้กและคุกกี้มักใช้

                     ไข่ไก่ขนาดกลาง แต่ถ้ามีไข่ไก่ขนาดเล็กให้เพิ่มอีก  1  ฟอง เช่น ในสูตรใช้ไข่ไก่ 3 ฟอง

                     ขนาดกลาง  ถ้าเป็นฟองเล็กก็ใช้  4  ฟอง  ฟองใหญ่ใช้  2  ฟอง และต้องเป็นไข่ใหม่

                     จึงจะมีความข้นหนืดสูง  เพื่อช่วยเป็นตัวยึดระหว่างแป้งกับไขมัน  เพราะไข่เก่าจะมี

                     น้ำมาก  การสังเกตไข่ใหม่ให้ดูนวลที่เปลือกไข่  ผิวเปลือกจับแล้วขรุขระ  ถ้าส่องกับ

                     แสงจะเห็นโพรงอากาศเล็กน้อย 

                18.นมสด  นิยมใช้นมสด หรือนมข้นจืด  โดยการผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน  1  ต่อ 

                     1  คือ  นมข้นจืด  1  ส่วนผสมน้ำ  1  ส่วน 

                19.นมผง  ราคาของนมผงถูกที่สุด   

                20.เกลือ  ควรใช้เกลือป่น  ช่วยปรุงแต่งรสชาติให้ขนมมีรสกลมกล่อมยิ่งขึ้น 

                             ข้อควรปฏิบัติในการทำขนมเบเกอรี่ 

     

          1.  ก่อนลงมือทำ  ควรทำความเข้าใจในสูตรส่วนผสม วิธีทำ และขั้นตอนทุกขั้นให้ละเอียด 

          2.  ควรใช้ถ้วยตวง  ช้อนตวง  ที่ได้มาตรฐาน  ตลอดจนเตรียมเครื่องชั่งให้เรียบร้อย 

          3.  ส่วนผสมต่างๆ ที่ต้องการใช้ควรนำมาวางไว้ใกล้มือ  พร้อมที่จะหยิบใช้ได้ทันที 

          4.  ควรร่อนแป้งก่อนตวงทุกครั้ง ตวงเบาๆให้ล้นถ้วย แล้วใช้สปาตูล่าปาดส่วนที่เกินออก 

               อย่าเขย่าหรือกะด้วยสายตา  ทำเช่นนี้กับการตวงส่วนผสมอื่นด้วย 

          5.  ใช้พิมพ์ให้ได้ขนาดกับส่วนผสม  เพราะพิมพ์ที่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจะมีผลต่อปริมาตร

               ของขนม  อาจทำให้ขนมเสียได้ 

          6.  ควรเปิดเตาอบ และตั้งอุณหภูมิไว้ตามที่ต้องการก่อนนำขนมเข้าอบ ควรเปิดไฟในเตาอบ

               ก่อนเริ่มทำขนม  เมื่อผสมขนมหรือแป้งเสร็จแล้วความร้อนในเตาก็จะได้พอดี 

               จึงนำขนมเข้าอบ 

          7.  การวางขนมในเตาอบ ควรให้พิมพ์ห่างกัน 1 นิ้ว  และควรวางพิมพ์ หรือถาดอบให้ห่าง

                  จากด้านข้างเตาอบอีกประมาณ 1 นิ้ว 

          8.  เมื่อนำขนมเข้าเตาอบแล้ว  อย่าเปิดเตาอบบ่อยๆ  จะทำให้ขนมยุบตัวได้  ควรเปิดเตาอบ

               ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้เล็กน้อย  เพื่อดูขนมในเตาอบ 

          9.  การตรวจดูว่าเค้กสุกหรือไม่ควรใช้ไม้จิ้มลงในเนื้อขนม  แล้วดึงขึ้นมา  ถ้าไม่มีเนื้อขนม

               ติดมาแสดงว่าสุก 


                                            วิธีการและเทคนิคในการทำขนมอบ 

     

     1.  การชั่งตวง  ส่วนผสมทุกชนิด  ควรใช้เครื่องชั่ง  ที่มีความเที่ยงตรง และอยู่

    ในสภาพที่ดี  ไม่ควรชั่งส่วนผสมหลายอย่างพร้อมกัน  การชั่งปริมาณของส่วน

    ผสมที่ผิดพลาด  จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำขนมได้ 

    2.  การผสม  ควรศึกษาวิธีการผสม และทำตามสูตรที่กำหนดให้ และที่สำคัญคือ 

           การใช้เวลาในขั้นตอนการผสมไม่ควรผสมนานเกินไป หรือน้อยเกินไปจะทำให้ขนม

           เสียได้ 

            3.  การเตรียมพิมพ์  พิมพ์ที่ใช้ใส่ขนมควรสะอาด และแห้ง ควรเตรียมไว้ให้พร้อม

           ก่อนอบขนม  เช่นการทาไขมันที่พิมพ์และรองด้วยกระดาษไข 

    4.  การอบ  การที่จะทำให้ขนมอบมีคุณภาพดี  จะต้องตั้งอุณหภูมิของเตาอบใน

    เวลาที่พอดี  การเปิดเตาอบต้องเปิด และปิดโดยเร็ว  เพื่อป้องกันความร้อน

    ที่จะสูญเสียไป 



     



        
    Advertising Zone    Close

    Online: 1 Visits: 8,996 Today: 2 PageView/Month: 1

    ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...